สำหรับผู้ที่เลือกจะเข้ามาทำการขายฝากทรัพย์สินนั้น ก็เพราะว่ามีความจำเป็นในทางการเงิน ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน แล้วทางผู้ให้กู้ยืมก็มักจะเรียกให้มีการนำหลักทรัพย์หรือบุคคลมาค้ำประกันในการชำระหนี้ อย่างเช่นการนำทรัพย์สินมาจำนองหรือทำการจำนำไว้ และให้หาบุคคลมาค้ำประกัน แต่บ่อยครั้งที่หลักประกันเหล่านี้จะไม่สามารถช่วยรับรองได้ว่าผู้ให้กู้จะได้รับการชำระหนี้ แต่ผู้ให้กู้ส่วนใหญ่จะสบายใจกว่าถ้าผู้ที่ต้องการเงินนำสินทรัพย์มาทำการขายฝากหรือเป็นหลักค้ำประกันวงเงินแทนนั่นเอง
ขายฝากคืออะไร ทำไมถึงต้องทำความเข้าใจ
ในการขายฝากจะเป็นการทำสัญญาซื้อขายรูปแบบหนึ่ง ซึ่งความเป็นเจ้าของในทางทรัพย์สินนั้นจะต้องกลายเป็นของผู้ซื้อฝากทันที เหมือนกับการทำสัญญาซื้อขายแบบทั่วไป แต่จะมีความแตกต่างกันตรงที่ทางผู้ขายฝากสามารถทำการไต่สวนทรัพย์สินนั้นคืนได้ตามสัญญาที่ได้กำหนดเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าจุดเด่นของการขายฝากก็คือสิทธิ์ในการถือครอง ที่ทุกท่านสามารถทำการไถ่ถอนกลับมาเป็นของท่านได้เหมือนเดิมในระยะเวลาที่มีการกำหนดในตัวสัญญา ถึงแม้ว่าจะขายฝากไปแล้วแต่เมื่อเทียบกับการขายขาดที่เป็นการเปลี่ยนผู้ถือครองถาวร ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเงินด่วน ที่สำคัญทางการขายฝากก็ยังมีวงเงินที่เหมาะสม
ขั้นตอนสำหรับการทำสัญญาการขายฝาก
แน่นอนว่าสำหรับท่านใดที่ต้องการเงินด่วนทุกท่านสามารถเข้ามาศึกษาขั้นตอนในการทำสัญญาการขายฝากผ่านทางเว็บไซต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งมีขั้นตอนสำหรับการทำสัญญาการขายฝากดังต่อไปนี้
- จะมีการประกาศขายฝากและทางผู้ต้องการขายฝากสามารถระบุระยะเวลาสัญญาที่จะทำการไถ่ถอนเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจสำหรับผู้ที่ทำการซื้อฝาก
- ในการแลกเปลี่ยนทางผู้ขายฝากจะได้รับเงินสดทันทีหลังจากที่มีการทำสัญญาที่กรมที่ดินเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้ที่ทำการซื้อฝากก็จะได้รับโฉนดเป็นหลักค้ำประกัน
- เมื่อครบกำหนดตามสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ ทางผู้ขายฝากก็จะต้องนำเงินมาทำการไต่สวนที่ดินคืนพร้อมดอกเบี้ย ส่วนผู้ซื้อฝากก็จะคืนโฉนดกลับคืนไป
- แต่สำหรับท่านใดที่ยังไม่พร้อมจะทำการไถ่ถอนคืน ท่านก็ยังสามารถขอขยายระยะเวลาในการไถ่ถอนได้สูงถึง 10 ปีตามที่กฎหมายกำหนด
ดังนั้นสำหรับยุคสมัยข้าวยากหมากแพงก็ทำให้หลายท่านต้องมีการแปลงหลักทรัพย์ที่มีอยู่ให้กลายเป็นเงินก้อน หรือเงินทุน ที่กำลังเป็นช่องทางยอดนิยมสำหรับท่านใดที่ต้องการหาทางออก เหตุผลนี้จึงมีรูปแบบของการขายฝากเกิดขึ้นนั่นเอง